ตอน…ลมหนาว ความหง่าวและรพช. (^_^)
เนิบนาบไร้จุดหมาย…เหนื่อยหน่ายการงานซากซ้ำ
จำเจอยู่ทุกคืนวัน…เมื่อไหร่นั้นจะได้ทำสิ่งพอใจ
555 ขึ้นต้นด้วยการพร่ำพรรณาความน่าเบื่อของชีวิตในช่วงนี้ จะว่าไปแล้วช่วงที่ผ่านมาก็ทำแต่งานซ้ำๆซากๆ อุดฟัน ฟันปลอม endo ทำ pulpเด็ก วนเวียนเรื่อยไป ไม่มีอะไรแปลกใหม่มาช่วยเยียวยาหัวใจให้พ้นจากความเบื่อหน่ายไปได้เลย
เพื่อนๆเคยสงสัยกันมั้ย ว่าทำไมถึงต้องมาเป็นหมอฟันใน รพช.กันด้วย
คำตอบง่ายๆตรงประเด็น …เพราะพวกเราไม่มีเงินไถ่ตัวยังงัยล่ะ อิอิ(เฮ้ย! ตรงไปปล่าวฟระ)
ถ้าอย่างนั้นขอคำตอบดีๆสักสองสามคำตอบหน่อยสิ
…เพราะอยากหาประสบการณ์ในการทำงาน
…เพราะอยากทำงานชุมชน
…เพราะอยากมีโอกาสรับใช้ประชาชน ช่วยเหลือชาวบ้าน
เออ ค่อยยังชั่วหน่อย ดูมีคุณค่าและสาระขึ้นมาอีกนิด
ตัวเราเองก็เคยคิดแบบนี้ล่ะ แต่เมื่อเวลาผ่านไปได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างมากขึ้น ก็เริ่มค้นพบความจริงของชีวิต พบว่าสิ่งที่ตัวเองอยากให้เป็นกับสิ่งที่เป็นอยู่มันช่างแตกต่างและยากที่จะใช้กำลังอันน้อยนิดเปลี่ยนแปลงมันได้ ไม่ว่าจะเป็นระบบการทำงาน ระบบราชการ ทัศนคติของชาวบ้าน ความยากลำบากในการเดินทาง และอื่นๆ
มองย้อนกลับไป เมื่อตอนจะเรียนจบแหล่มิจบแหล่ เรานั้นไซร้ได้ลองไปสมัครเป็นทันตแพทย์ที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยสองแห่ง แห่งที่หนึ่ง เมื่อสอบสัมภาษณ์แล้ว ท่านอาจารย์กลับยื่นข้อเสนอให้เราไปเป็นอาจารย์ชุมชน(???) เอ่อ แต่เราสมัครทันตแพทย์สาย ข.นะ(ทันตแพทย์ที่ทำฟันในรพ.มหาวิทยาลัย) งงแบบแปลกๆ ต่อให้ขาดคนแค่ไหน แต่จะให้เรานั้นไปเป็นอาจารย์ คงต้องคิดหนัก กลั้นใจตอบ say good bye ไป ส่วนอีกที่หนึ่งสัมภาษณ์ไม่เท่าไหร่ ท่านก็พูดออกมาว่า “เธอนะไม่ควรทำงานที่นี่หรอก คิดให้ดีๆนะ ที่ๆน่าจะเหมาะกับเธอ คือที่โรงพยาบาลชุมชน” เรียกได้ว่าสอบตกสัมภาษณ์ไปตามระเบียบ 555
สงสัยคงเป็นเพราะดวงของเราละมั้งที่ทำให้ได้มาอยู่ที่ รพช. เป็นหมอฟัน รพช. ไปโดยปริยาย
ก้าวแรกที่เข้าสู่โรงพยาบาลชุมชน บรรยากาศเรียบง่ายในชนบท สองข้างทางเป็นป่าและทุ่งนา บรรยากาศแบบนี้ยากที่จะหาได้ตามเมืองใหญ่ คนไข้ที่ไม่เยอะมาก(แบบร้านทำฟันเชิงธุรกิจ)เพียงพอที่จะทำให้ได้พูดคุยทราบถึงความเป็นอยู่และทัศนคติของพวกเค้า การได้พบกับผู้คนที่หลากหลายทั้งผู้ร่วมงานในฝ่าย นอกฝ่าย ทำให้ได้เรียนรู้งานเพิ่มขึ้น (ทั้งที่จริงๆตัวเราไม่ใช่เป็นคนที่มนุษยสัมพันธ์ดีนัก โดยมากออกแนวเฉยๆเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ได้อะไรมาบ้างแหละน่าจากการที่ยืนอยู่ตรงจุดนี้)
ความต้องการของคนไข้ในชุมชนกับการตอบสนองของทันตแพทย์นั้นทำอย่างไรถึงจะพอเพียง เป็นคำถามที่เราคิดหาคำตอบอยู่เสมอ
แม้ว่าจะรู้ทั้งรู้ว่าสิ่งที่จำเป็นจริงๆ คือ การเข้าถึงชุมชน แต่ความขี้เกียจของคนที่ไม่ได้มีเป้าหมายเลอเลิศอย่างเรา
ได้แต่ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามครรลองที่ควรจะเป็น พูดง่ายๆคือ อะไรจะเกิดก็เกิดเถอะ ขอเป็นฝ่ายตั้งรับดีกว่าฝ่ายรุกก็แล้วกัน จะป้องกันให้ความรู้ไปใย ในเมื่อปัญหาสำคัญของชาวบ้าน ไม่ใช่ปัญหาเรื่องฟัน แต่เป็นปัญหาปากท้อง
(555…ความคิดที่สิ้นหวังของหมอฟันอย่างเรา ไม่ควรเลียนแบบเป็นอย่างยิ่ง)
หากถามว่าเสียใจมั้ยกับการได้มาอยู่ รพช. ?
อยากบอกว่า ไม่หรอก เพราะการมาอยู่ที่นี่ทำให้เราได้เผชิญกับหลายสิ่งหลายอย่าง ได้เรียนรู้ (ทั้งเรื่องคนและเรื่องงาน)
ถ้าถามว่าพอใจมั้ย?
อยากบอกว่าพอใจ แต่ไม่ใช่ที่สุด (เพราะคนเรามันโลภมากเป็นนิสัย)
ถ้าถามว่ามีความสุขมั้ย?
อยากบอกว่ามันราบเรียบและเรียบเฉย ไม่ได้มีความสุขมากมายอะไรเลย แต่สามารถอยู่ได้ ถ้าคนอื่นต้องการเรา และเราต้องการที่จะอยู่
ลมหนาวครั้งที่สองของการอยู่รพช.มาถึงแล้ว ความหนาวไม่แตกต่าง แต่ความรู้สึกกลับแตกต่าง
ปีหน้าเราจะอยู่ ณ ที่แห่งนี้หรือเปล่า?
ปีหน้าเราเดินไปทางไหนดี
ปีหน้าสิ่งที่เราจะต้องทำมีมากน้อยแค่ไหนกัน
ไม่ใช่คนดี ไม่ใช่คนที่เสียสละอะไรมากมาย และไม่ใช่คนที่อยากแข่งขัน
ชีวิตที่เงียบสงบในรพช. ดูเหมือนจะเหมาะกับเรา?
เห็นเพื่อนมากมายที่ทั้งลาออก และโยกย้าย
ทั้งที่เราเองก็อยากสบายบ้าง แต่อย่างนั้น คือสิ่งที่เราต้องการจริงหรือ?
ไม่ได้รักรพช. มากมาย แต่ก็ไม่อยากจากไป….
ลังเล…ลังเล…ลังเล
ทั้งที่น่าเบื่อมากมาย แต่คิดแล้วก็ยังตัดใจไม่ลง
สิ่งที่หาไม่ได้จากที่อื่นนอกจากรพช. เหมือนเราจะตกหลุมเข้าให้ซะแล้ว…
สิ่งที่เราควรทำเพื่อ รพช. อาจจะยังไม่มากพอ
สิ่งที่เราอยากทำที่ รพช. ยังมีบ้างที่ยังไม่ได้ทำ และทำไม่สำเร็จ
ปีหน้าเราอาจจะอยู่ที่รพช.เดิม หรืออาจจะย้ายออกไปรพช.แห่งใหม่ ไม่ว่าอย่างไรสถานที่ที่เราเลือกจะอยู่ คือ รพช.